พบกับนักลงทุนแนว Takeover แบบไม่ปราณีใครอย่าง Carl Icahn กับบริษัท Holding ชื่อ Icahn Enterprises LP ซึ่งราคาหุ้นของบริษัท (ticker: IEP) สามารถทำผลตอบแทนได้ถึง 1,485% หรือคิดเป็นปีละ 19.7% เป็นเวลาถึง 15 ปี มากกว่า Berkshire Hathaway ของ Buffett ซึ่งทำได้ 9.1% ต่อปี
Carl Icahn จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านปรัชญาจากมหาวิทยาลัย Princeton ในปี 1957 และเข้าเรียนต่อแพทย์ที่มหาวิทยาลัย New York แต่ก็ลาออกก่อนเพื่อไปรับใช้ชาติกับกองทัพสหรัฐ
หลังจากนั้นได้เริ่มอาชีพการลงทุนด้วยการทำงานในธุรกิจโบรกเกอร์ที่ Wall Street ก่อนจะออกมาตั้งบริษัท Hedge Fund ของตนเอง และเริ่มการลงทุนในบริษัทที่เขาเห็นว่ามีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalued) โดยการเข้าไปมีอำนาจต่อรองผู้บริหารด้วยการเข้าถือหุ้นเป็นสัดส่วนที่สูง หรือเข้าควบคุมโดยใช้เงินเข้าซื้อธุรกิจทั้งหมด (Takeover) เพื่อสามารถเข้าไปปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของทีมผู้บริหาร ปรับโครงสร้างธุรกิจ หรือ พัฒนาการใช้ทรัพย์สินให้สร้างมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้นให้ดีขึ้น ซึ่งการลงทุนแบบนี้เรียกว่า Activism
Carl Icahn นั้นได้รับฉายาว่าเป็นนักลงทุนประเภท Activist แบบไร้ความรู้ปราณี หนึ่งในคำพูดเด็ดจาก Icahn ก็คือ “ในธุรกิจลงทุนแบบ Takeover นั้น ถ้าคุณอยากมีเพื่อนแล้วละก็ ให้ซื้อสุนัขมาเป็นเพื่อนจะดีกว่า”
แต่ด้วยสไตล์การลงทุนแบบนี้ คุณอาจจะไม่เชื่อครับว่า มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยหลักการเดียวกับ Warren Buffett ในสมัยก่อนที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง “Value Investing”! ไอเดียก็คือว่า บริษัท Icahn Enterprises หรือ IEP จะมองหาบริษัทที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงมากๆ แล้วเข้าไปลงทุน แต่เทคนิค Activism นี้จะต่างกับสไตล์ของ Buffett ตรงที่ว่า พอเข้าไปซื้อแล้ว Icahn จะ “ไม่รอ” ให้ราคาหุ้นค่อยๆสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของมันออกมา แต่เขาจะนำ IEP เข้าไปจัดการปลดล็อคมูลค่าที่แท้จริงออกมาด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมบริหารอย่างจริงจังเลย เรียกได้ว่านอกจากจะหาบริษัทที่ undervalued แล้ว ยังต้องทำการสร้าง value ขึ้นมาให้ได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
วิธีการปลดล็อคมูลค่าของบริษัทที่เป็นเป้าหมายของ Icahn ก็คือ เขาจะค่อยๆเข้าไปซื้อหุ้นจำนวนมาก หรือ เจรจาเข้า takeover บริษัทเป้าหมายนั้น (Icahn ย้ำว่าเขาจะพยายาม takeover ให้ได้ แม้ว่าบริษัทเป้าหมายจะยินดีหรือไม่ยินดีให้ take ก็ตาม) หลังจากนั้นจะใช้หนึ่งในวิธีต่อไปนี้เพื่อปลดล็อคมูลค่าที่ซ่อนอยู่ของบริษัทเป้าหมายออกมา
1. กดดันให้ผู้บริหารของบริษัทเป้าหมายลุกขึ้นมาเอาจริงเอาจังกับการสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้น
2. takeover บริษัทเป้าหมายทั้งหมดและเข้าควบคุมบริษัทเพื่อทำการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้ไปในแนวทางที่ Icahn เชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจดีขึ้นและสามารถขยายตัวได้จนสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นได้
ซึ่งวิธีแบบ Activism นี้สามารถแสดงออกมาให้เห็นใน stock price performance ของ IEP แล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีเยี่ยมแก่ผู้ถือหุ้น IEP ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
Icahn เชื่อว่าวิธีการลงทุนแบบ Activism ของเขานั้นจะสามารถขจัดสิ่งที่ขวางกั้นมูลค่าที่ซ่อนอยู่ของบริษัทที่ undervalued ได้ นั่นก็คือ “ผู้บริหารที่ไม่เอาไหน” เพราะอย่างนี้ Icahn จึงนำ IEP เข้าไปกว้านซื้อหุ้นหรือ takeover บริษัทเป้าหมาย เพื่อเข้าไปปรับปรุงการทำงานของผู้บริหารที่ทำงานได้ไม่ดีพอ หรือหากปรับปรุงไม่ได้ก็ปลดผู้บริหารเหล่านั้นออกแล้วนำผู้บริหารที่เห็นว่ามีความสามารถกว่าเข้าไปทำงานแทน
บริษัท IEP ยังเชื่อว่าสภาวะการลงทุนในปัจจุบันนี้เกื้อหนุนการลงทุนแบบ Activism อย่างมาก เพราะ
1. บริษัทสามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากแทบเป็น 0 แล้วนำเงินนั้นไปเข้าซื้อธุรกิจที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
2. ปัจจุบันนี้บริษัทเป้าหมายของ IEP มากมายถือเงินสดไว้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้มีการนำไปลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มมูลค่าของธุรกิจและส่วนของผู้ถือหุ้น ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะเข้าไป takeover บริษัทเหล่านั้นซะ แล้วนำเงินที่ไม่ได้นำใช้ให้เกิดประโยชน์นั้นไป takeover บริษัทเป้าหมายอื่นๆต่อไป
3. นักลงทุนสถาบันมากมายเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการเข้าไปจัดการกับผู้บริหารในบริษัทที่ทำหน้าที่ได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ถ้าอยากให้ประเทศสามารถลดอัตราการว่างงานและยกระดับความสามารถแข่งขันได้ของบริษัทในอเมริกาขึ้นมา
ถ้าสังเกตในข้อ 2 ดีๆจะเห็นว่า Icahn ใช้วิธีนี้ในการสร้างแหล่งเงินลงทุนที่มีต้นทุนราคาถูกเพื่อมาต่อยอดธุรกิจ Holding ของตัวเองต่อไป ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับการที่ Warren Buffett เข้าซื้อธุรกิจประกันเพื่อนำเงินที่ลูกค้าจ่ายค่าประกันนั้นมาเป็นแหล่งเงินลงทุนของ Berkshire Hathaway
นอกจากนี้เรายังจะสามารถสังเกตเห็นความคล้ายกันของโครงสร้างบริษัท Holding ของ Icahn และของ Buffett ได้อีกด้วย
Berkshire Hathaway นั้นมีหน่วยธุรกิจประเภท ธุรกิจประกัน และ ธุรกิจไม่ใช่ประกัน ซึ่งจะประกอบด้วยธุรกิจประเภทสาธารณูปโภค (The Five Powerhouse) เช่น ธุรกิจรางรถไฟ Burlington Northern Santa Fe (BNSF) และ ธุรกิจพลังงานอย่าง Berkshire Hathaway Energy
Icahn Enterprises ก็มีหน่วยธุรกิจประเภท ธุรกิจการลงทุน (Investment business) อย่าง Icahn Capital LP และ ธุรกิจที่ไม่ใช่การลงทุน (Non-Investment) อย่างธุรกิจประเภทอุตสาหกรรมหนัก (Industrials) อย่าง ธุรกิจผลิตรถราง American Railcar Industries หรือ ธุรกิจ supplier ให้กับรถยนต์ เครื่องบินอวกาศ หรือพลังงาน อย่าง Federal-Mogul Holdings
นอกจากนี้แล้วจะเห็นความกระจายของประเภทอุตสาหกรรมในธุรกิจเป้าหมายที่ Icahn ซื้อมาเป็นบริษัทย่อย (subsidiary) ของ IEP อีกด้วย มีตั้งแต่ พลังงาน รถยนต์ เหล็ก รถราง เกม บรรจุภัณฑ์อาหาร อสังหาริมทรัพย์ ตกแต่งบ้าน และ ธุรกิจประเภท holding company
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ Icahn สร้างขึ้นมา ทำให้เขาเป็นนักลงทุนที่มีมูลค่าสูงถึง 2.58 หมื่นล้านเหรียญ ด้วยวัย 79 ปี และทำให้ Icahn เป็นนักลงทุนที่ Wall Street และ นักลงทุนรายย่อยจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง อิทธิพลการซื้อหุ้นของเขาต่อการขยับของราคาหุ้นนั้นไม่ธรรมดาทีเดียว ราคาหุ้นบริษัท Netflix สามารถขึ้นได้ถึง 200% หลังจากที่เขาเข้าซื้อ และหลังจากราคาขึ้นมามาก Icahn ก็สามารถขายทำกำไรได้มากถึง 2 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว
…ล่าสุด Icahn ได้ออกมาสัมภาษณ์กับสื่อว่า เขาเชื่อว่าหุ้น Apple (AAPL) นั้นราคายังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานอยู่ เป็นที่น่าสังเกตว่า Icahn ออกมาพูดไม่นานหลังจากที่ Apple ประกาศว่าบริษัทผลประกอบการดีมากทำให้มีเงินสดอยู่สูงถึงเกือบ 1.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ! น่าสนใจครับว่า Activism ของ Icahn ผู้ที่ได้เข้าไปถือหุ้น Apple อยู่ 20.48% ของ portfolio ของ IEP นั้นจะสามารถทำให้ราคาหุ้น Apple ขึ้นไปได้อีกเยอะหรือไม่ หากเขาคิดถูกว่า Apple นั้น undervalued จริงๆ
เรียบเรียงโดย Theerat K.
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก Icahn Enterprises
Photo: institutionalinvestor.com